สนาม: เครือข่าย HC
บทนำ: เมื่อเร็วๆ นี้ตัวแทนผู้ขับขี่รถแท็กซี่ได้ออกมาร้องประกาศที่จะขอปรับขึ้นค่าโดยสาร โดยเตรียมที่จะยื่นหนังสือถึง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในช่วงเดือน ตคนี้ เพื่อให้รับทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของผู้ขับรถแท็กซี่ในปัจจุบัน พร้อมเสนอ 4 ข้อร้องเรียน ประกอบด้วยขอให้พิจารณาปรับโครงสร้างอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ ภายหลังได้รับผลกระทบจากราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ขับรถแท็กซี่มีค่าครองชีพลดลง โดยข้อเสนอดังกล่าวนั้นจะให้คงอัตราเริ่มต้นกิโลเมตรแรกที่ 35 บาท ขณะที่ช่วงเวลารถติดจากเดิมนาทีละ 2 บาท เพิ่มขึ้นเป็นนาทีละ 3 บาท 2ให้แก้ไขปัญหารถป้ายดำที่วิ่งให้บริการอยู่ในขณะนี้ ซึ่งถือเป็นคู่แข่งกับรถแท็กซี่ที่อยู่ในระบบถูกต้องตามกฎหมายในปัจจุบัน 3พิจารณานโยบายการนำรถแท็กซี่ที่ใช้ระบบไฟฟ้า (EV) มาวิ่งให้บริการประชาชน สะท้อนถึงการเอื้อประโยชน์และช่วยเหลือนักลงทุนชาวต่างชาติ และ 4ให้รัฐบาลสนับสนุนผู้ขับรถแท็กซี่ที่ดี อ้างอิงจากการให้คะแนนของผู้โดยสาร โดยการพัฒนาบุคลากร พร้อมออกมาตรการให้ผู้ขับรถแท็กซี่ผ่อนค่างวดรถแท็กซี่กับภาครัฐ เพื่อให้สามารถเป็นเจ้าของรถเองได้ ทั้งยังเป็นการสร้างแรงจูงใจในการให้บริการ ส่งผลการแก้ไขปัญหาในอนาคตได้อย่างยั่งยืนด้วย นอกจากนี้ ยังได้ย้ำว่าเตรียมหาแท็กซี่แนวร่วมกว่า 15,000 คัน ติดสติกเกอร์ที่มีข้อความ รถคันนี้จะไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร ติดอยู่บริเวณหน้ากระจกรถด้านซ้าย สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน คงต้องยอมรับกันว่าการเดินทางใน กทมและปริมณฑลนั้น สำหรับประชาชนที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารสาธารณะ ถือว่าเป็นยานพาหนะที่สำคัญ ซึ่งในปัจจุบันรถโดยสารสาธารณะนั้นมีหลากหลายประเภท ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง และที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันคือรถแท็กซี่ ซึ่งปัจจุบันผู้ใช้บริการหลายคนประสบปัญหาเดียวกันคือ การปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร โดยมักจะมีข้ออ้างสารพัด ไม่ว่าก๊าซหมด รถติด ต้องส่งรถ รับลูกค้าไม่ทัน ฯลฯ จนสร้างความเอือมระอาให้กับผู้ใช้บริการ แม้ว่าที่ผ่านมานั้นกรมการขนส่งทางบกจะออกมาตรการต่างๆ เพื่อมาแก้ไขปัญหารถแท็กซี่ ไม่ว่าจะมี รถแท็กซี่โอเค ที่กรมขนส่งคุยนักหนาว่ามีรถแท็กซี่แจ้งความจำนงเข้าร่วมโครงการแล้วประมาณ 20,000-30,000 คัน และในจำนวนนี้มีผู้ที่สมัครเข้าร่วมโครงการแล้วหลายพันคัน ประกอบด้วย ภาคบังคับ หรือแท็กซี่ที่จดทะเบียนใหม่ ประมาณ 1,000 คัน และภาคสมัครใจ หรือรถแท็กซี่ที่ยังไม่หมดอายุอีกจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้รถแท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการแท็กซี่โอเคนั้น จะติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบ อาทิ การติดตั้งจีพีเอส ระบบกล้องถ่ายภาพภายในรถแบบ Snap Shot ปุ่มฉุกเฉิน และตรวจสอบการเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมด สุดท้ายก็ไม่โอเคร ยังปฏิเสธผู้โดยสารเช่นเดิม หรือแม้กระทั่งการเปิดรับแจ้ง ปรับ ยึดใบขับขี่ สารพัดวิธี ก็ยังปฏิเสธที่จะรับผู้โดยสาร ด้วยคำอ้างเดิมๆ อาทิ แก๊สหมด ส่งรถ ไม่รู้จักเส้นทาง แม้จะมีการร้องเรียนไปยังกรมการขนส่งทางบก และถูกลงโทษไปแล้วก็ยังไม่เข็ด ยังคงปรากฏเป็นข่าวคราวตลอดเวลา จะเห็นได้จากผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ได้เคยศึกษาไว้ว่า การให้บริการรถแท็กซี่ และการใช้ยานพาหนะส่วนบุคคลในการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ ผู้โดยสารส่วนใหญ่ 76% ยังพบปัญหาจากการใช้บริการรถแท็กซี่ อาทิ การปฏิเสธผู้โดยสาร 825%, ปัญหาเกี่ยวกับสภาพรถ 30% และอีก 26% พบปัญหาเรื่องกิริยาวาจาไม่สุภาพ ทำให้ผู้โดยสารหันไปใช้บริการระบบขนส่งทางเลือก เช่น อูเบอร์และแกร็บ แม้จะต้องเสียค่าบริการเพิ่มขึ้น แต่ก็ช่วยลดเวลารอคอยได้ พร้อมเสนอให้กรมการขนส่งทางบก ออกมาตรการกำกับดูแลให้ถูกต้อง ซึ่งประเมินว่าน่าจะใช้เวลานาน 6 เดือน - 1 ปี ดังนั้น ก่อนที่จะมาอ้างว่าปัญหาการให้บริการแท็กซี่ เป็นผลมาจากการไม่ปรับขึ้นค่าโดยสาร ซึ่งต้องปรับค่าขึ้นอีก 25% จึงจะสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยขอให้รัฐบาลเร่งทบทวนโครงสร้างค่าโดยสารใหม่ หรือเปิดโอกาสให้รถแท็กซี่คิดค่าโดยสารในลักษณะยืดหยุ่นได้ ควรที่จะปรับปรุงตัวเองให้ดีเสียก่อน ถ้าบริการดี ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร การจะปรับขึ้นค่าโดยสารก็ไม่น่าจะมีปัญหา...
ลิงค์ที่เป็นมิตรเวลาปัจจุบัน:2021-02-26